คุณภคภัค สังขะสุนทร | Toprising@gmail.com
ก่อนหน้านี้เราได้มีโอกาสพบเจอประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนวิธี และวิถีในการทำงานของยุคปัจจุบัน เช่น การสร้างการสันทนาการแบบเสมือนจริง หรือกระทั่งการปรับรูปแบบการคุยงานให้มีความเป็นพิธีรีตองให้ลดลง หรือแม้กระทั่งการพยายามสร้าง Employee Engagement ในภาวะที่ต้องทำงานจากบ้าน (Work From Home) ดังที่ปรากฏในบทความ HR กับการสร้าง Engagement ผ่านระบบ online ในช่วง Work from Home (khonatwork.com) สัญญาณของความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้บ่งบอกให้บรรดาเพื่อนร่วมวิชาชีพ HR อย่างพวกเราทุกคนรับทราบถึงความท้าทายใหม่ที่เรากำลังจะเผชิญในอนาคตต่อไป สิ่งหนึ่งที่จะต้องมีวันสิ้นสุดลงไม่ช้าก็เร็วคือการที่ประเทศไทยได้รับวัคซีน Covid-19 อย่างเพียงพอที่จะทำให้การดำรงชีวิตกลับเข้าสู่สภาวะก่อนหน้า เช่น ความสามารถในการท่องเที่ยว การบริโภค หรือการทำงานที่สำนักงานตามปกติ แต่สิ่งที่อาจจะทำให้การกลับเข้าสู่สภาวะก่อนหน้านั้นเป็นไปได้ยากขึ้นก็คือ ผู้คนเริ่มปรับตัวเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ไปได้แล้ว บางคนพบว่าตัวเองเริ่มชินการทำงานจากที่บ้านจนไม่อยากกลับไปออฟฟิศแล้ว
Bloomberg ได้เขียนบทความเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของ Productivity ในสหรัฐอเมริกาในช่วง Covid-19 พบว่ามีการปรับเพิ่มขึ้นถึง 5% จากช่วงก่อนหน้า นั่นหมายความว่าประชากรส่วนใหญ่วัยทำงานนั้นเริ่มปรับตัวเข้ากับ New Normal ได้แล้ว จากตารางด้านล่างจะเห็นได้ว่าหลายๆ อุตสาหกรรมได้เริ่มมีการขยับงานบางส่วนให้กลายเป็น remote work หรือการทำงานนอกออฟฟิศได้เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขอย้ายกลับมามองที่ละแวกเพื่อนบ้านเราบ้าง ที่ญี่ปุ่นบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการ IT อย่าง Fujitsu เพิ่งทำการสำรวจความต้องการของพนักงานกว่าแปดหมื่นคนที่ตอนนี้กำลัง work from home กันอยู่พบว่า 55% ของพนักงานอยากทำงานแบบ Hybrid นั่นคือ บางวันสามารถที่จะเลือกเข้าที่ทำงานได้ และบางวันก็สามารถที่จะทำงานจากที่บ้าน หรือที่ไหนก็ได้ เพราะปัญหาที่ต้องใช้เวลา หรือเสียเวลาในการเดินทางจะหายไป และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำไม Bloomberg พบว่าที่อเมริกา productivity จึงเพิ่มขึ้นถึง 5% เนื่องจากระยะเวลาในการเดินทางไปทำงานลดลงนั่นเอง
Comments