ทุกครั้งที่ได้ดูข่าวเกี่ยวกับอะไรก็ตามที่น่าจะมากระทบงานที่ทำ คำแรกที่มักจะผุดขึ้นมาในหัวผมเสมอคือคำว่า "Only Paranoid Survive" ชื่อหนังสือขายดีของ Andrew Grove อดีต CEO และประธานบริษัท Intel ถ้าใครยังไม่ทราบ ท่านผู้นี้คือผู้ที่เป็นเจ้าของแนวคิดการวัดผลแบบ "OKRs" ที่นิยมใช้ในการวัดผลของบริษัท Tech Company และ Start Up เป็นจำนวนมาก เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะพูดถึง Strategic Inflection Points (SIPs) ของธุรกิจ เมื่อธุรกิจดำเนินมาขณะหนึ่ง ด้วยแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอก ทำให้ถึงธุรกิจมาถึงทางแยกที่ต้องตัดสินใจว่าจะปรับตัวเปลี่ยนแปลงกับธุรกิจเดิมอย่างไร บทบาทหลักของผู้ที่จะตัดสินใจเลือกทางเดินให้กับองค์กรคงจะหนีไม่พ้น CEO แต่ Andrew ก็คิดว่า พนักงานเองก็ควรจะมีความไวต่อสถานการณ์หรือสิ่งที่จะมากระทบองค์กร รีบศึกษาหาข้อมูล หาแนวทางในการรับมือ พร้อมกับการสื่อสารให้กับผู้บริหารได้รับทราบ นี่จึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมผู้ที่ "ตระหนก" และ "ตระหนัก" จึงจะสามารถอยู่รอดได้ในธุรกิจ และสิ่งที่โลกกำลังจะเผชิญกับโอกาสและความท้าทายใหม่ ที่จะมากระทบกับการทำงานของพวกเรานั่นก็คือ เมตาเวิร์ส (Metaverse) หรือ โลกเสมือนจริง ที่ราชบัณฑิตยสภาของประเทศไทยเราได้บัญญัติศัพท์เป็นภาษาไทยแบบล้ำ ๆ ว่า "จักรวาลนฤมิต"
คำว่า "Metaverse" มีการพูดถึงมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่เริ่มจะเป็น Buzzwords เหมือนกับคำอื่น ๆ ในยุคนี้อย่าง AI, VR, AR, Crypto และ Blockchain เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาหลังจากที่ Facebook Social Media Platform ที่มีผู้ใช้เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก และให้บริการตั้งแต่เรื่องของการหางาน การโฆษณา ไปจนถึงด้านการเงินได้ประกาศแผนการ ดังนี้
> เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก "Facebook" ไปเป็น "Meta" ซึ่งก็ตั้งใจที่จะหมายถึง Metaverse
> การจ้างแรงงานที่เป็น Talent ในด้าน Metaverse แถบยุโรปจำนวน 10,000 อัตรา
> โปรเจคการพัฒนา Crypto Currency ของ Facebook จาก "Libra" มาสู่ชื่อใหม่คือ "Diem" ซึ่งจะเป็นสกุลเงินที่ Facebook หมายมั่นปั้นมือจะพัฒนาให้ได้รับความนิยมกับผู้ใช้
> การลงทุนเข้าซื้อกิจการแว่น VR Oculous ซึ่งเป็นแบรนด์แว่น VR ที่อยู่ในระดับแถวหน้า และก็มีโครงการร่วมกับแว่นตา Ray-Ban ในการผลิตแว่น Ray-Ban Stories
> พัฒนาผลิตภัณฑ์ Workroom Horizon ซึ่งเป็นเครื่องมือตัวอย่างที่ทำให้เห็นการใช้งาน Avatar กับการทำงาน
การเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Metaverse รวมถึงบริษัทฯ อื่น ๆ ที่ประกาศว่าจะลงทุนในเทคโนโลยีนี้ด้วยอย่าง Microsoft ที่มีผู้ใช้ Application การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์อย่าง Microsoft Team จำนวน 250 ล้านคนทั่วโลก ทำให้เราในฐานะ HR หรือพนักงานคนหนึ่งในองค์กร ไม่ควรที่จะพลาดการจับตามองของเทคโนโลยีนี้ และควรจะพิจารณาว่าเราจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้อย่างไรกับงานหรือองค์กรของเรา
ทำไมต้อง Metaverse
ในช่วงที่ผ่านมาเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกมาเป็นระยะๆ การทำงานรูปแบบใหม่แบบ Remote Working เริ่มเป็นสิ่งปกติใหม่ หรือ New Normal ทำให้ผู้คนมีเวลาเหลือมากขึ้นเนื่องจากไม่ต้องใช้เวลาไปกับการเดินทางบนท้องถนน และเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น RPA หรือ AI จะเข้ามาช่วยพวกเราทำงานทำให้เราอาจจะทำงานน้อยลงในอนาคตอันใกล้นี้ ปัญหาด้านฝุ่นควันมลพิษจนกระทั่งประเทศทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้อากาศภายนอกไม่บริสุทธิ์หรืออาจเป็นพิษภัยต่อร่างกายมนุษย์ได้ ทั้งเรื่องของเวลาที่อาจจะเหลือเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสถานที่ในรูปแบบของ Physical ก็ไม่น่าอภิรมย์เช่นเคย การมาของ Metaverse ในจังหวะเวลาเช่นนี้ ดูจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ทั้งในแง่ของการหาโอกาสในการทำธุรกิจ และการทำให้มนุษย์สามารถแยกตัวตนออกจากโลกปัจจุบันไปสู่โลกที่ต้องการได้
แนวคิดการทำ Metaverse มีมาอย่างยาวนานแต่ด้วยความพร้อมในเทคโนโลยีแต่ละตัวยังไม่สมบูรณ์ พวกเรารู้จัก Internet มีสังคมออนไลน์บนเวปไซต์ รู้จักเทคโนโลยีการจำลองภาพเสมือน (AR) เคยได้ลองใช้แว่น VR ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งในด้าน Entertainment และ Education รวมถึงหลายคนอาจมีประสบการณ์ในการสร้าง Avatar หรือตัวแทนของตนเองในเกมส์ออนไลน์ เพื่อหาเพื่อนและใช้ในการเล่นเกมส์ ซึ่งเทคโนโลยีทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมาอาจมีการพัฒนาแบบแยกส่วน และผู้ใช้ยังคงไม่เห็นภาพการเชื่อมต่อของเทคโนโลยีแต่ละประเภท Metaverse จะสำเร็จได้ก็ด้วยการมาถึงยุคของ Web 3.0 หรือเรียกว่าเป็นยุค Internet of things (IOTs) ซึ่งอุปกรณ์ทุกชนิดสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าทำงานได้สอดประสานกันเหมือนการบรรเลงดนตรีแบบ Orchestra ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้มนุษย์อย่างเรา ๆ จะได้รับประสบการณ์ใหม่จากการดื่มด่ำ (Immersive) กับการใช้ชีวิตอยู่ในโลกเสมือนได้อย่างลืมวันลืมคืน โดยที่ ณ ตอนนี้หลายคนก็ยังคงจินตนาการไม่ถูกว่า Metaverse จะพัฒนาไปได้ถึงจุดใด เป็นสิ่งที่คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
Metaverse กับการทำงานรูปแบบใหม่
พวกเราน่าจะคุ้นเคยกับการทำงานแบบ Virtual กันมาแล้ว จากการประชุมงาน และการเข้าร่วมสัมมนาหรือเข้าร่วมงาน Event แบบออนไลน์ การเรียนรู้หรืออบรมผ่านแว่น VR หรือการเล่นเกมส์ที่มีเทคโนโลยี AR อย่าง Pokemon Go แต่การมาของ Metaverse นั้นจะช่วยยกระดับ "Experience" ของผู้ใช้งานไปอีกขั้น ทั้งในด้าน Time และ Space ถ้าท่านเคยเล่นเกมส์ออนไลน์อย่าง Fortnite ท่านจะเห็นว่าเวลาในโลกเสมือนที่อยู่ในเกมส์ จะเดินหน้าตลอดเวลา คนที่เราไปปฏิสัมพันธ์ใน Platform ของเกมส์ ก็คือคนจริงๆจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าที่นั่นจะเป็นเวลาอะไร แนวคิดของ Metaverse คือการสร้าง Avatar ขึ้นมาเป็นตัวแทนของเราเพื่อใช้ในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้มากขึ้น และการใช้อุปกรณ์ช่วยอย่างแว่น VR ก็จะยิ่งช่วยในการเข้าถึงความเป็น Metaverse ได้อีกขั้น สำหรับในด้านของ Space หรือ สถานที่ Metaverse สามารถเนรมิต สถานที่ในแบบที่ท่านต้องการได้ ในอนาคตบริษัทฯ Start Up อาจไม่จำเป็นที่จะต้องมีการเช่า Co-Working Space เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงาน เพราะสามารถสร้างห้องที่ทำงานร่วมกันได้บน Metaverse และยังตอบโจทย์ในด้านการทำงานร่วมกันไม่ว่าจะเป็นการ Brainstorm หรือการแบ่งปันไอเดียต่าง ๆ ซึ่งดูจะเป็นปัญหาก่อนหน้านี้สำหรับการทำงานแบบ Remote Working
Accenture บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก ได้ร่วมมือกับ Microsoft Mesh ซึ่งเป็น Platform การทำงานร่วมกันบนโลกเสมือนของ Microsoft ในการทำ Virtual Office โดยใช้ชื่อว่า "Nth Floor" โดยการเข้าไปทำงานที่พื้นที่เสมือนนี้ พนักงานทุกคนสามารถสร้าง Avatar ของตัวเองได้ สามารถเดินไปรอบ ๆ ออฟฟิศได้ สามารถปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานผ่าน Avatar นอกจากนี้ HR ยังมีการจัดฝึกอบรมให้กับพนักงานใหม่ผ่านพื้นที่ Nth Floor จากกรณีศึกษาของ Accenture ผมเองเคยมีโอกาสได้ไปดูงานที่ออฟฟิศของ Accenture ประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน ณ ตอนนั้น Accenture ก็มีการให้ทดสอบการใช้งานแว่น VR ในการทัวร์ออฟฟิศ และการอบรมพนักงานใหม่ ซึ่งเนื้อหาที่อยู่ใน VR ก็ทำได้น่าประทับใจมาก ๆ การพัฒนา Nth Floor ขึ้นมาก็น่าเชื่อได้ว่าน่าจะสามารถนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน
Only paranoid (HR) will survive
ถ้าเราจะคงความเป็น HR ที่เป็นปัจจุบัน ในโลกยุคใหม่อย่าง Metaverse เราจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ผมได้ลองค้นหาคุณสมบัติจากตำแหน่ง HR Director, Content for Metaverse ของบริษัท Facebook หรือ "Meta" ที่กำลังเปิดรับสมัคร มาให้ทุกท่านพิจารณา จะพบว่าจะต้องมีประสบการณ์ความรู้ความเข้าใจในธุรกิจ และเข้าถึงพนักงานแบบ HR Business Partner จะต้องสามารถคิดวิเคราะห์ทั้งในด้านที่จะกระทบต่อธุรกิจ และทางด้านจิตใจ อารมณ์ความรู้สึก ของพนักงาน การทำให้พนักงานรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีความรู้ด้านเทคโนโลยี การใช้ข้อมูล และมีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆได้ ในภาพรวมก็คิดว่าคุณสมบัติไม่ได้แตกต่างจากความต้องการของธุรกิจในปัจจุบันที่มีต่อ HR ขึ้นอยู่กับว่า เราจะมีไอเดียสร้างสรรค์มากเพียงใด และรู้จักการนำเทคโนโลยีมาสร้างคุณค่าให้กับองค์กรและพนักงานได้อย่างไรบ้าง
HR Director, Content for Metaverse at Facebook
Minimum Qualifications
> 12+ years experience in an HR Business Partner or equivalent role
> Demonstrates solid judgment and experience assessing risk relative to the business
> Effective communication and critical thinking skills applied at all levels of the organization
> Demonstrates empathy and experience to drive diversity & inclusion strategies
> Demonstrated experience learning and leading in a constantly changing environment and to cultivate relationships across teams
> Experience using data to identify insights that drive action
> Experience leading across global and/or matrixed organizations to scale
> Demonstrated experience to influence and strategically solve problems
> Expert consulting, coaching and facilitation skills
> Experience supporting technical teams
ในวันนี้ คงจะเร็วเกินไปถ้าเราจะรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับ Metaverse และเดินเข้าไปคุยกับ CEO ของบริษัทเรา เพื่อให้ลงทุนเรื่องนี้ภายใน 1-2 ปีแต่ถ้าเรามองข้ามเทคโนโลยีนี้ไปเพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นแค่แฟชั่น หรือการแสดงออกว่าเราสนใจอาจจะทำให้เราดูเป็นคนที่เรียกว่า Fear of Missing Out (FOMO) หรือว่าอาจจะทำให้เราดู Nerd เกินไปหรือเปล่าแต่จากข้อมูลที่ยกมาข้างต้นอาจจจะปฏิเสธได้ยากว่าเทคโนโลยีนี้จะไม่เกิดขึ้น แล้วทำไมเราจะไม่ลองรู้จักกับมันด้วยการดูหนัง Ready Player One หรือลองสมัครเล่นเกมส์ออนไลน์อย่าง Fortnite หรือ Roblox เพื่อให้เราเข้าใจโลกของ Metaverse เพิ่มมากขึ้นกันดูล่ะ
ชินภัทร์ สุวรรณพุ่ม
อ้างอิง
Metaverse คืออะไร? โลกเสมือน…อาจใหญ่กว่าโลกจริง! - Career Visa Assessment
Metaverse … นำจินตนาการสู่บรรทัดฐานใหม่ของการใช้ชีวิต - Thansettakij
The Metaverse and HR - Fullstackhr
What Is The Metaverse? Facebook’s Strategy And How Microsoft, Disney, and Amazon Could Win. - Joshbersin
HR Director, Content for Metaverse - Facebook Careers
Facebook wants to build a metaverse. Microsoft is creating something even more ambitious - Fast Company
コメント