top of page
รูปภาพนักเขียนKHON

Human Capability as a Driving Force for Thailand 4.0

อัปเดตเมื่อ 25 ธ.ค. 2563

บรรยายโดย พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ | วารสารการบริหารฅน 2/2560

พันเอก ดร.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม และรองประธาน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้มีโอกาสทำงานขององค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการทำงานของมนุษย์ และองค์กร ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงสมรรถนะของแรงงานที่มีความจำเป็นในยุค Thailand 4.0 ในปัจจุบันนี้จะทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ข้อมูลข่าวสารความรู้นั้น สามารถเคลื่อนย้ายจากซีกโลกหนึ่งไปยังอีกซีกโลกหนี่งในเสี้ยววินาทีด้วยปริมาณมหาศาล และคาดว่าภายในเวลาสองปีที่จะถึงในปี 2018 ในงานภาคโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ได้ประกาศว่าจะมีการ Commercialize ระบบ 5G ในปี 2018 โดยประเทศอันดับต้นๆ คือ ประเทศเกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น และหลายประเทศในยุโรป รวมทั้งสหรัฐอเมริกาด้วย ก็จะทำให้ความเร็วในการส่งและรับข้อมูลเพิ่มไปถึง 100 เท่าตัวจากปัจจุบันนี้ ซึ่งในทฤษฎีแล้วความเร็วต่ำสุดในการส่งข้อมูลข่าวสารสำหรับ 5G นั้นอยู่ที่ระดับ 1 กิกะบิต ต่อวินาที แต่ประเทศเกาหลีได้ทำการทดสอบแล้ว พบว่า สามารถทำได้ถึง 19.9 กิกะบิต ต่อวินาที จึงทำให้การคาดการณ์ในอนาคต ไม่มีความชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงของโลกนั้นจะเป็นไปตามที่พยากรณ์ไว้ คือจะเร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ จึงมีผลต่อการบริหารงานทั้งงานที่เกี่ยวข้องกับทุนมนุษย์ (Human Capital) เราจะสามารถผลิตบุคลากรที่จะมาตอบสนองกับงานในอนาคต ใน 5 ปีข้างหน้าได้หรือไม่ ระบบการศึกษาจะสามารถผลิตคนเพื่อแก้ปัญหาในปัจจุบันออกมา แต่เนื่องจากอนาคตเปลี่ยนไป และบุคคลเหล่านี้จะสามารถที่จะดำเนินการบริหารงานหรือจัดการกับปัญหาได้เท่าทันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศจะมีวิสัยทัศน์ในการวางระบบการศึกษา องค์กรต่าง ๆ จะต้องมีการวาง Roadmap ของตัวเองว่า จะอยู่ในตลาดต่อไปได้อย่างไร ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญว่า องค์กรในอดีต 10 ปีที่ผ่านมานั้น ได้หายไปประมาณครึ่งหนึ่งใน Fortune 500 ก็คือ องค์กรมีการถูกควบรวม ถูกซื้อ และล้มไป เช่น บริษัท Border ซึ่งเป็นร้านหนังสือในประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้ปิดตัวไป และมีหนังสือหลักๆ หลายเล่มในสหรัฐอเมริกาและในยุโรปได้ปิดตัวไปเกือบครึ่งหนึ่งของในตลาดทั้งหมด และคาดว่าในประเทศไทยก็จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งคุณเศรษฐพงศ์เองได้เฝ้าติดตาม และคาดว่าจะมีปรากฎการณ์ Landslide ภายในสองปีที่จะถึง ซึ่งก็จะทำให้ร้านsนังสือต่าง ๆ หายไปจากท้องถนนและในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ รวมทั้งจะมีเรื่อง Broadcasting Entertainment ที่จะมีการ Disruption อย่างรุนแรง อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นวงการโทรทัศน์ วงการลักษณะของระบบนิเวศน์หรือ Value Chain ต่าง ๆ ขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับ Entertainment เนื่องจากจะเกิดบริษัทเล็ก ๆ เป็น Start up ที่สามารถ Broadcast แบบ Live, Real-time ได้ ก็จะเป็นความท้าทายกับช่องทีวี ช่องใหญ่ๆ ที่ยังอยู่ในตลาดในขณะนี้


คุณเศรษฐพงค์ ได้เล่าถึงหนังสือเรื่อง Third Wave ที่มีการพยากรณ์ในอนาคตว่าจะมีการ Broadcast แบบ Real-time บุคคล คนเดียวสามารถติดต่อกับคนอื่นๆ ได้เป็นพัน เป็นหมื่นคน หรือแสนคน สามารถ Broadcast ทำให้เกิดผู้ที่มีชื่อเสียง (Celebrity) โดยไม่ต้องอาศัยช่องทีวี แต่ใช้ Facebook Live แทน หนังสือหลายเล่มได้พยากรณ์ โดยทำการสัมภาษณ์นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ นักสื่อสารโทรคมนาคมวิศวกรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ Search Engine เราจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงในทุกขณะ ซึ่งในอนาคต Search Engine จะมีความชาญฉลาดมาก จนทำให้ครูกับนักเรียนมีความแตกต่างกัน ปัจจุบันครูอายุ 50 จะไม่สามารถสอนนักเรียนอายุ 18-19 ปีได้แล้ว ก็เกิดปัญหา ที่นักเรียนท้าทายกับครู ว่าสิ่งที่ครูพูดรู้มาทั้งหมด สามารถกดได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ เห็นความสำคัญของการเรียนในห้องเรียน ทำให้เกิดการ Disrupt กันในวงการการศึกษา ซึ่งกำลังเกิดขึ้นแล้วในยุโรปหลายประเทศ ทำให้เกิดการเรียนที่เปลี่ยนแปลงไป หนังสือเหล่านี้ได้พยากรณ์ โดยสิ่งที่พยากรณ์ไว้ได้เกิดขึ้นมาเกือบทั้งหมด และเกิดขึ้นเร็วกว่าที่กำหนดไว้


ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนที่ Social Media มีผลกระทบกับการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการหาเสียง การบริหารในระดับประเทศ การไล่ประธานาธิบดีในประเทศเกาหลีใต้ การไล่นายกรัฐมนตรีในประเทศมาเลเซีย ซึ่งก็เป็นปรากรฏการณ์ที่หนังสือเหล่านั้นได้เขียนไว้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ว่าจะมีการประท้วงผ่าน Social Media ซึ่งก็เกิดขึ้นจริง และก็เกิดการ Disrupt ในเรื่องของการเลือกประธานาธิบดีในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งไม่ควรจะ Disrupt แต่เป็นความจริงที่ไม่ถูกเปิดเผย จึงทำให้มีการเข้าใจไปว่าประธานาธิบดีเป็นอีกคนหนึ่งที่น่าจะถูกเลือกอย่างชัดเจน ซึ่งพรรคการเมืองหนึ่งได้ใช้ทีมเล็ก ๆ เป็นทีมที่เป็น Data Analytic ประกอบไปด้วยนักวิทยาศาสตร์และนักคณิตศาสตร์กลุ่มเล็ก ๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับประเทศและระดับโลกก็ว่าได้ ซึ่งทีมเหล่านี้ก็ใช้การวิจัยที่เป็นความจริงที่ไม่ได้มีการตกแต่งข้อมูล ไม่ได้แจกแบบสอบถามอย่างเดียว แต่มีการลงพื้นที่จริงและสอบถามว่าประชาชนเลือกใคร จากการวิจัยซึ่งมีคะแนนห่างกันเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ ถ้าตามหลักทางสถิติแล้วอาจจะทำให้คะแนนพลิกกับมาให้อีกฝ่ายชนะได้ เพราะทางสถิตินั้นอาจมี Error 5-10 เปอร์เซ็นต์ ก็มีความเป็นไปได้ จึงทำให้เกิดการวางแผนในการโพสคำพูดเพื่อดึงคน กลุ่มเล็ก ๆ กลับเข้ามาเลือก เพื่อให้ส่วนต่าง 3-4 เปอร์เซ็นต์กลับเข้ามาอยู่ที่พรรคของตน และทำให้เกิดการ Land Slide ในการเลือก การวิเคราะห์ของสื่อต่างประเทศ ซึ่งก็เป็นที่ชัดเจนว่ามีการใช้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ในการวางแผนครั้งนี้อย่างลึกซึ้ง มีการใช้ Data Analytic เพื่อพลิกสถานการณ์ การใช้การวิจัยในการตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่การวิจัยนั้นจะต้องมีความ Accurate จริง ๆ ไม่เกิดอคติ จึงทำให้เกิด Garbage in Garbage Out ก็คือ ขยะข้อมูลเข้า ก็จะได้ขยะข้อมูลออกมานั่นเอง เพราะฉะนั้น ความจริงไม่ปรากฎตั้งแต่ต้น ความจริงก็จะไม่ปรากฎเป็น Output ออกมา


สิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ก็เกิดขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงตลอด โดยที่พวกเราก็เข้าใจอยู่แล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงกับกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีอัตราเร่งอย่างรวดเร็ว ทีไม่เคยปรากฎมาก่อนตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา Computer มาพิมพ์ดีดไป... โนเกียมา 2G Motorola 1G ไป...โนเกียส่ง SMS มา Pager ก็ปิดบริษัท โนเกียติดกล้อง แต่ Kodak ก็รู้อยู่ว่ากล้องดิจิตอลกำลังมาทำร้ายฟิล์ม Kodak จึงแอบทำกล้องดิจิตอล อยู่เหมือนกันแต่ด้วยความกลัวที่จะเอากล้องดิจิตอลออกมาทำร้ายล้างฟิล์มตัวเอง จึงทำให้โนเกียที่ติดกล้องดิจิตอลมาทำลาย Kodak เสียก่อน 4G Apple Samsung มาทำให้โนเกียไม่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้ทันเนื่องจาก OS ของโนเกียความความแข็งในการใช้งาoมาก และโนเกียพุ่งประเด็นไปที่ประสิทธิภาพการใช้งานของ OS เป็นหลักโดยไม่สนใจในเรื่องของการใช้งานที่ง่าย ไม่เหมือนกัน Apple ได้ทำวิจัยแล้วพบว่า ผู้ใช้ไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่น OS ทั้งหมด จะใช้ฟังก์ชั่น แค่ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ผู้ใช้งานอยากใช้งานที่ง่ายที่สุด จึงสามารถ Land Slide ตลาดขนาดใหญ่ได้ จนทำให้ Apple ถล่มโนเกียจนแทบจะปิดบริษัทไป เหลือเพียงแค่บริษัทเล็กๆ เท่านั้น Facebook live เกิดขึ้นมาไม่กี่ปี ทำให้บริษัท Broadcast เก่าๆ เริ่มสั่นสะเทือน Revenue ที่เคยได้ จากการเก็บเงินค่าโฆษณากลับกลายเป็นกระจายไปสู่บริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกับการ Broadcast ผ่านช่องทางเท่านี้มาก่อน ซึ่งก็คือ Youtube และ Facebook ซึ่งทั้งคู่ไม่เคยซื้อคลื่นความถี่เลย แต่ได้ใช้คลื่นความถี่ที่บริษัทโทรคมนาคม ซื่อมาจาก กสทช. 2.3 แสนล้านบาท โดยไม่ต้องลงทุนช่องทางนั้นแม้แต่บาทเดียว blockchain ก็จะเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการ encryption เป็นการ Coding ทำให้เกิดความมั่นใจ ระหว่างผู้ทำธุรกรรมระหว่างกัน จนอาจจะเข้ามาแทนที่ตัวกลางทั้งหมดในอนาคตอันใกล้ ซึ่งขณะนี้มีสัญญาณอย่างชัดเจนแล้วว่า blockchain จะมาเป็นแอพพลิเคชั่นในระบบการเงิน การธนาคารจนทำให้ Regulator กสทช. Regulator อย่างธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ Regulator ใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตัวกลางเกิดการสั่นสะเทือนจนไม่รู้ว่าจะปรับตัว ไปทางไหน อย่างชัดเจน


ในขณะนี้เมื่อปีที่แล้วมีการประกาศว่า 5G จะมีการนำมาใช้ในปี 2020 แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากดทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ โดยประเทศจีนสามารถผลิต Switching Internet ที่เร็วที่สุดในโลกเมื่อปีที่แล้ว ชนะประเทศในยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในวันนี้ก็เป็นการประกาศว่าจะใช้เทคโนโลยี 5G ในปี 2018 ดังนั้นเอง จึงมีการคาดการณ์ว่า จะมีการ Disrupt อย่างหนักในอีก 2 ปีข้างหน้าในทุกอุตสาหกรรม

"Computer มา...พิมพ์ดีด ไป

Nokia มา...Motorola ไป

Nokia ส่ง SMS มา...Pager ไป

Nokia ติดกล้องดิจิทัล มา...Kodak ไป

4G Apple&Samsung มา... Nokia และสื่อสิ่งพิมพ์ไป

Facebook Live มา..Broadcat เก่าๆ กำลังจะไป

Blockchain กำลังมา...Bank เก่าๆ กำลังจะไป

5G กำลังจะมาในปี 2018...ขาใหญ่ที่เคยใหญ่ ระวังจะประตัวไม่ทัน"


ติดตามเนื้อหาฉบับเต็มได้ที่ วารสารการบริหารฅน People Magazine Vol.2.2560 Show & Share - Human Capability as a Driving Force for Thailand 4.0 เนื้อหาโดย พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
ดู 20 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page